กินกาแฟ ลดไขมัน ลดความอ้วน จริงหรือไม่ ?

coffee diet

ถ้าพูดถึงคาเฟอีน หลายๆ คนมักจะพูดถึงการกินแลวตื่น กินแล้วดีด กินแล้วลดไขมันได้ แต่ไม่ค่อยมีคนรู้ว่ากินเข้าไปแล้วคาเฟอีนส่งผลต่อสมองเราอย่างไรแล้วเราสามารถใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ยังไง วันนี้เรามาพูดถึงคาเฟอีนในเชิงลึกที่เอาไปใช้งานได้จริงกัน

คาเฟอีนคืออะไร?

คือสารเคมีชนิดหนึ่งซึ่งสามารถสกัดมาได้จากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็น ชา กาแฟ จริงๆ แล้วคาเฟอีนมาจากพืชมีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงกินพืชชนิดนั้นมากเกินไป และอีกอย่างที่หลายคนไม่รู้คือ คาเฟอีนมันทำให้สัตว์บางประเภทหรือแมลงบางประเภทเนี่ยสามารถจำได้ว่าต้องมากินเกสรดอกไม้ หรือว่ากินพืชชนิดนี้เพื่อให้เกิดการแพร่พันธุ์ของพืชชนิดนั้นได้ดีขึ้น

ข้อดีของคาเฟอีนที่เรามักจะรู้กันดีอยู่แล้วก็คือ ช่วยให้ไม่ง่วง กินแล้วตื่น รู้สึกว่าสมองไบรท์ คิดอะไรดีๆ ออก อารมณ์ดี หรือว่ากินแล้วออกกำลังกายได้หนักขึ้น รู้สึกเหงื่อออกมากขึ้น หัวใจเต้นแรงขึ้น บางคนเนี่ยบอกว่ากินคาเฟอีนแล้วลดไขมันได้ รวมไปถึงกินแล้วเพิ่มพลังออกกำลังกายได้ดีขึ้นด้วย

ผลในเชิงลดไขมัน

คาเฟอีนทำให้เราลดความอ้วนได้ยังไงบ้าง ? เชื่อว่าหลายๆ คนเคยเห็นกาแฟลดความอ้วน ซึ่งหลักการในการทำงานมีหลายแบบ แต่วันนี้เรามาพูดถึงสิ่งที่น่าจะจับต้องได้ง่ายที่สุด ที่เรียกว่า DIET INDUCED THERMOGENESIS แปลว่าการเผาผลาญพลังงานที่เกิดมาจากการกินของเรา ซึ่งเชื่อว่าคาเฟอีนสามารถทำให้เราเผาผลาญได้มากขึ้นนั่นเอง

DIT (DIET INDUCED THERMOGENESIS) สูตรการทำ Fasting 16/8 ของผู้เชียวชาญระดับโลกไม่ใช่แค่การทำ Fast แต่เค้าให้กินคาเฟอีนเยอะมาก เพราะช่วยเพิ่ม DIT หรืออัตราการเผาผลาญพลังงานของเราได้มากถึง 10% สามารถทำให้เราลดไขมันได้เร็วขึ้น

คาเฟอีนมันกระตุ้นสิ่งที่เรียกว่า Motor Cortex คือ กินคาเฟอีนเข้าไปแล้วร่างกายของเราสามารถที่จะควบคุมกล้ามเนื้อ ควบคุมอวัยวะต่างๆ ได้ดีขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้วงานวิจัยเกี่ยวกับคาเฟอีนเยอะมากๆ ที่พูดถึงการเพิ่มพลัง และค่อนข้างเป็นที่ยอมรับในสากล

คำแนะนำการใช้

สำหรับคาเฟอีนเองตรงนี้ไม่สามารถบอกได้ว่าคุณควรกินเท่าไหร่ เนื่องจากว่าน้ำหนักตัวแต่ละคน ความต้านทานคาเฟอีนของแต่ละคนมันต่างกัน แต่สามารถแนะนำตามคำแนะนำที่ทั่วโลกใช้เวลาออกกำลังกายอยากกินคาเฟอีน กินประมาณเท่าไหร่ดี ซึ่งตัวเลขจะมีตั้งแต่ 50mg. 100mg ถึง 200mg ซึ่งตัวเลขที่ใช้ในคนที่ต้องการจะลดความอ้วนจะอยู่ตั้งแต่ประมาณ 100-200mg ก่อนออกกำลังกาย ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเช็คสภาพตัวเองด้วยว่ามีโรคประจำตัวรึป่าว ต้องเช็คตัวเองแล้วปรึกษาแพทย์ก่อน